รางเลื่อนประตูที่แท้จริงแล้วมีกี่แบบกันแน่

รางเลื่อนประตูที่แท้จริงแล้วมีกี่แบบกันแน่

รางเลื่อนประตูในภาพรวมมักจะถูกแบ่งออกเป็น2รูปแบบหลักๆ คือรางเลื่อนแบบรางแขวนด้านบน กับแบบรางเลื่อนแบบรางบนและรางล่าง โดยการใช้งานประตูเลื่อนมีให้เห็นมานานหลายศตวรรษแล้ว เค้าว่ากันว่ามีให้เห็นกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่1แล้วโดยชาวโรมันท่านนึงนำมาใช้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นชาวโรมันท่าใด ในสมัยก่อนมีให้เห็นกันโดยใช้เป็นประตูห้องน้ำ ประตูโรงนา ประตูตู้เสื้อผ้า หลักฐานยืนยันการใช้เป็นประตูโรงนานั้นมาจากชาวบ้านในยุดสมัยใหม่สไตล์สแกนดิเนเวีย

ในบางรณีการใช้งานแบบรางแขวนนั้นก็ไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากน้ำหนักของประตูที่มมีน้ำหนักมากทำให้รางแขวนด้านบนไม่สามารถรองรับน้ำหนักที่มากๆได้นั้นก็จึงจำเป็นจะต้องใช้รางล่างเพื่อช่วยกันพยุงประตูให้เลื่อนได้อย่างถนัดแล้วลื่นไหล อีกทั้งยังเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานประตูอีกด้วย ซึ่งการใช้ระบบรางล่างช่วยนั้นก็จะต้องมีรางด้านล่างที่ใช้ยึดกับพื้นเพื่อวางลูกล้อได้

ในระบบของการใช้รางเลื่อนประตูนั้นจะมีตัวล็อคนิรภัยไว้เพื่อกันประตูเลื่อนแล้วตกราง หรือกระโดดออกจากรางเลื่อนเพื่อให้ประตูวิ่งไปตามไกด์ได้อย่างไม่มีสะดุด และตัวดักประตูทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเพื่อกันไม่ให้ประตูเลื่อนตกรางเลื่อนประตูอีกทั้งยังช่วยกำหนดระยะของการเลื่อนประตูให้ตรงตามที่เราต้องการอีก

ประตูเลื่อนนั้นจะมีข้อกำหนดที่ไม่มีทางเลี่ยงได้เพราะเป็นประตูเลื่อนก็คือระยะของประตูกับผนังที่ไม่ว่าอย่างไรแล้วระยะห่างจากทั้ง 2 นั้นจำเป็นจะต้องมีไม่ว่าจะมากหรือน้อย อย่างน้อยก็ต้องมี 0.3-0.5 ซม. อีกข้อนึงคือเรื่องการเก็บเสียง เนื่องจากการมีช่องว่างระหว่างประตูและผนังจึงทำให้ไม่สามารถเก็บเสียงได้100%จึงจำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอื่นเข้ามาช่วยมำให้เกิดการเก็บเสียง ยกตัวอย่างเช่น การติดแผ่นยังเพื่อปิดช่องว่างนั้น

อุปกรณ์เสริมของประตูเลื่อนเพิ่มเติมที่หลายๆคนเลือกใช้ แต่ก็ไม่ได้แพร่หลายนักก็คือโช๊คอัพสำหรับรางเลื่อนทีช่วยให้ประตูเลื่อนได้อย่างละมุนไม่กระทบตัวดักประตูให้เกิดเสียงดังและเพื่อป้องการการเด้งกลับของประตูในขณะที่เลื่อนชนตัวดัก

ข้อดีของการใช้ประตูบานเลื่อนนั้น คือ ทำให้ผู้ใช้งานได้ประหยัดพื้นที่เพราะประตูเลื่อนจะถูกเลื่อนเปิดประตูไปด้านข้างของผนังไม่เกะกะเหมือนกันเปิดประตูแบบบานพับ หรือสำหรับนำไปใช้งานกับพื้นที่ที่มีจำกัด การเปิดประตูไม่เป็นการกินพื้นที่จนเกินไป ทำให้สามารถนำพื้นที่ไปใช้งานในส่วนอื่นๆที่จำเป็นได้อย่างเต็มที่